top of page
Search
  • Writer's pictureYNKSD

SAPA อยากมาก็มา

ซาปา เวียดนามเหนือในเดือนเมษา

19-22 April 2019

เช้าตรู่ของวันที่ 19 เราเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งตรงไปยังสนามบินนอยไบ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม และเราก็เดินทางต่อไปยังเมืองลาวไกเพื่อไปยังซาปา นั่งรถไปประมาณ 3-4 ชั่วโมงได้ ตลอดสองข้างทางที่ที่ไปซาปานั้นเป็นวิวธรรมชาติ ภูเขาและทุ่งนาที่เขียวขจี บริเวณทุ่งนาจะมีฮวงซุ้ยของคนเวียดนามกระจายทั่วไปตลอดสองข้างทาง ถึงแม้จะเป็นเดือนเมษายนก็ตาม อุณภูมิช่วงที่เราไปนั้นก็เย็นสบายกว่าประเทศไทยนิดหน่อย เราไปถึงซาปาก็เกือบค่ำแล้ว เราก็เข้าโรงแรมไปเก็บของ แล้วเราก็ไปเดินเล่นที่ตลาด Love market เป็นตลาดที่ขายของพื้นเมืองและของกินมากมาย เราเดินเล่นกันได้ไม่นานนักก็กลับโรงแรมมาพักผ่อนเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในวันพรุ่งนี้



เช้าวันที่ 20 เราออกเดินทางแต่เช้าเพื่อจะไปยอดเขาฟานซิปัน (Pansipan) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเวียดนามโดยได้ฉายาว่า "หลังคาแห่งอินโดจีน" สูงจากระดับน้ำทะเล 3,143 เมตร จะต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปค่าขึ้นกระเช้าคิดเป็นเงินบาทไทยประมาณหนึ่งพันบาท ตอนขึ้นกระเช้าเราจะมีอาการเหมือนจะเมาเล็กน้อยเพราะว่าลมจากภายนอกนั้นเมื่อกระทบกับกระเช้าทำให้กระเช้าสั่นไหวไปตามแรงลม ถ้าใครเป็นคนเมารถ เมาเรื่อง เมาเครื่องบินแนะนำให้พกยาดม ยมหอมติดไปด้วย บนยอดเขาอากาศประมาณ 14-15 องศา บรรยากาศข้างบนสวยมาก




หลังจากที่เราได้ขึ้นไปชมความสวยงามของยอดเขาฟานซิปันแล้ว เราก็ไปเดินเที่ยวเล่นที่หมู่บ้านหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) เป็นหมู่บ้านของชาวม้งดำ และไปที่หุบเขามังกรไปเดินเล่นดูสวนดอกไม้ หลังจากเดินเที่ยวเล่นมาเกือบทั้งวันก็เป็นช่วงเวลาของอาหารมื้อเย็น ซึ่งเมนูอาหารที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงที่นี่คือชาบูปลาแซลมอน ปลาแซลมอนที่นี่สามารถหาทานได้อย่างง่ายๆเพราะที่นี่มีฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาแซลมอนซึ่งถือว่าดีที่สุดในเวียดนาม เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเราก็พาท้องที่เต็มไปด้วยปลาแซลมอนกลับโรงแรม



เช้าวันที่ 21 เป็นวันที่เราเดินทางกลับไปฮานอย เราจะพักที่ฮานอยหนึ่งคืนใช้เวลาเดินทางจากซาปาไปยังฮานอยใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงฮานอยแล้ว เราได้ไปเยี่ยมชมสุสานโฮจิมินห์ เป็นสุสานขนาดใหญ่ของอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาวเวียดนาม และชมทำเนียบประธานาธิบดี



ต่อจากนั้นเราก็ไปเดินช้อปปิ้งที่ 36 Streets Old Quarter ไปชมสะพานแสงจันทร์และวัดหงอกเซิน



วันที่ 22 เป็นวันที่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพ บรรยากาศในตอนเช้าของฮานอยในวันทำงานจราจรคับคั่งไปด้วยรถและเสียงบีบแตรตลอดเส้นทางถือว่าเป็นเสน่ห์ของเวียดนาม และเสน่ห์อีกอย่างคือบ้านเมืองและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การไปเวียดนมในครั้งนี้เหมือนได้ชาร์ตพลังจากการจากทำงานที่เหนื่อยล้า ได้ออกมาพบเจอผู้คนที่ต่างภาษาต่างวัฒนธรรมถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง ความสุขของแต่ละคนต่างกันไป บางคนการออกไปเที่ยวเล่นไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ถือว่าเป็นความสุข บางคนแค่นั่งจิบชา กาแฟ อ่านหนังสือสักเล่มก็มีความสุขแล้ว ความสุขนั้นหาได้ไม่ยากเลย สำหรับเรานั้นการท่องเที่ยวก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเรา...




36 views0 comments

Recent Posts

See All
bottom of page